สมุนไพร
ที่มีสรรพคุณแก้เมาสุราหรือเมาค้างมีหลายชนิด ซึ่ง “ย่านาง” ก็เป็นชนิดหนึ่งที่นิยมนำไปใช้ทำให้สร่างเมาได้
โดยมีวิธีง่ายๆคือ เอาใบสดของ “ย่านาง” ประมาณ 1 กำมือหรือประมาณ 5-10 ใบ ตำให้ละเอียดหรือปั่นใส่น้ำ 1 แก้ว กรองเอาเฉพาะน้ำดื่มจะช่วยถอนพิษทำให้หายเมาสุราหรือเมาค้างและหายปวดศีรษะได้
สูตรนี้ใช้กันมาแต่โบราณแล้ว
ย่านาง หรือ TILIACORA TRIANDRA DIELS อยู่ในวงศ์
MENISPERMACEAE ทางอาหาร
เถาใบอ่อนใบแก่ตำคั้นน้ำปรุงแกงหน่อไม้ ใส่แกงขนุน แกงอีรอก แกงอ่อม ห่อหมกอีสาน
ซุปหน่อไม้ แกงต้มเปรอะ และแกงยอดหวาย สรรพคุณทางสมุนไพร ใบสดช่วยถอนพิษสุรา
รากสดมีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรียชนิด “ฟัลซิ-พารัม” แก้ไข้เกือบทุกชนิด เคยมีเด็ก 9 ขวบ
มีไข้สูงกินยาลดไข้แก้ปวดปัจจุบันไม่ได้ เพราะเกิดอาการแพ้ เอารากสดของ “ย่านาง” ต้มน้ำให้ดื่มไม่แพ้และไข้ลดลงได้
ยอดมะรุมสด
ลดความดันโลหิต
คน
เป็นความดันโลหิตสูงเยอะ บางคนมีโรคอื่นแทรกซ้อนด้วย
ต้องกินยาที่แพทย์จ่ายให้สม่ำเสมอ หากปล่อยตัวอดหลับอดนอนบ่อยๆ หรือมีความเครียด
อาจทำให้เส้นโลหิตฝอยสมองแตกได้ ทางสมุนไพรมีทางเลือกคือ เอา “ยอดมะรุมสด” 200 กรัม โขลกละเอียดใส่น้ำเล็กน้อย แล้วใช้ผ้าขาวบางบีบคั้นเอาน้ำผสมน้ำผึ้งพอหวาน
กินวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น ครั้งละครึ่งแก้ว
กินเรื่อยๆจนกว่าความดันจะลด ถ้ากินควบคู่กับ “ตรีผลา”
จะดียิ่งขึ้น
มะรุม หรือ MORINGA OBEISFERA LAMK.M. PTERYGOSPEAMA GAERTN อยู่ในวงศ์ MORINGACEAE เปลือกต้น
ต้มน้ำดื่มขับลมในลำไส้ คุมธาตุอ่อนๆ ราก แก้บวม บำรุงไฟธาตุ
เปลือกต้นสดตำพอบุบอมไว้ข้างแก้มแล้วดื่มเหล้าจะไม่รู้สึกเมา
ใบสดมีวิตามินซีและเอเยอะ แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน ตำพอกแผล เมล็ดสด กินวันละ 1
เมล็ด เป็นยาอายุวัฒนะ คั้นเอาน้ำมันจะได้ BEHEN OIL หรือ BEN ใช้เป็นอาหาร ทำเครื่องสำอางทาภายนอกลดบวม
แก้โรคปวดตามข้อ
รกฟ้า กับสรรพคุณยา
ยาเส้นยาฉุน
ควันไล่แมลงเข้าหู
สมัย
เป็นเด็กจำได้ว่าเวลามีมดเข้ารูหูผู้เฒ่าผู้แก่มีวิธีแก้แบบง่ายๆ คือ
ท่านจะเอาน้ำหยอดเข้ารูหู และตะแคงหูข้างที่มดเข้า สักพักตัวมดจะไต่ออกมาเอง
ซึ่งเป็น การนำเอานิสัยตามธรรมชาติของมดมาใช้
หากสังเกตให้ดีจะพบว่าเวลาฝนจะตกหรือน้ำจะท่วม
ตัวมดจะพากันหนีน้ำก่อนด้วยการเดินพาเหรดเป็นแถวยาวขึ้นสู่ที่สูง ดังนั้น
เมื่อมีมดเข้ารูหูจึงใช้น้ำหยอดจะออกมาเองเป็นธรรมชาติ
ส่วน ในช่วงฤดูหนาว ตัวมอดไรและแมลงเล็กๆจะหนีหนาวเข้าไปอาศัยตามบ้านเรือนผู้คน โดยเฉพาะซ่อน ตัวตามผ้าห่ม หากไม่ระวังขณะนอนใช้ผ้าห่มคลุมตัว มอดไรและแมลงจะไต่เข้ารูหูได้ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดมาก วิธีแก้ในยุคสมัยก่อนคือ เอายาเส้นยาฉุนหรือยาตั้ง ที่ใช้มวนกับใบตองใบจากสูบดูดเอาควันพ่นเข้ารูหูข้างที่ถูกมอด ไรหรือแมลงเข้าไป 2 หรือ 3 ครั้ง ทิ้งระยะห่างกันพอประมาณ ไม่นานนักตัวมอดไรและแมลงจะทนควันจากเส้นยาฉุนหรือยาตั้งไม่ได้ ไต่ออกจากรูหูเอง ทั้ง 2 วิธีเป็นทางเลือก มาแต่โบราณ ปัจจุบันต้องพบแพทย์ดีที่สุด
ยาสูบ หรือ NICOTIANA TABACUM LINN. อยู่ในวงศ์ SOLANACEAE เป็นไม้ล้มลุก ใบมีขนทั้ง 2 ด้าน ดอกสีขาวปนชมพู ผลมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก ราก และ ใบ รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน หิด กลากเกลื้อนเรื้อนกวาง ใบ ทำยาเส้นผสมกับปูนแดงและใบต้น เนียม ปรุงเป็นยานัตถุ์แก้หวัดคัดจมูก ใบ มีสารนิโคติน ใช้เป็นยาฆ่าแมลง ซึ่งจัดเป็นสารพิษชนิดหนึ่ง
ส่วน ในช่วงฤดูหนาว ตัวมอดไรและแมลงเล็กๆจะหนีหนาวเข้าไปอาศัยตามบ้านเรือนผู้คน โดยเฉพาะซ่อน ตัวตามผ้าห่ม หากไม่ระวังขณะนอนใช้ผ้าห่มคลุมตัว มอดไรและแมลงจะไต่เข้ารูหูได้ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดมาก วิธีแก้ในยุคสมัยก่อนคือ เอายาเส้นยาฉุนหรือยาตั้ง ที่ใช้มวนกับใบตองใบจากสูบดูดเอาควันพ่นเข้ารูหูข้างที่ถูกมอด ไรหรือแมลงเข้าไป 2 หรือ 3 ครั้ง ทิ้งระยะห่างกันพอประมาณ ไม่นานนักตัวมอดไรและแมลงจะทนควันจากเส้นยาฉุนหรือยาตั้งไม่ได้ ไต่ออกจากรูหูเอง ทั้ง 2 วิธีเป็นทางเลือก มาแต่โบราณ ปัจจุบันต้องพบแพทย์ดีที่สุด
ยาสูบ หรือ NICOTIANA TABACUM LINN. อยู่ในวงศ์ SOLANACEAE เป็นไม้ล้มลุก ใบมีขนทั้ง 2 ด้าน ดอกสีขาวปนชมพู ผลมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก ราก และ ใบ รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน หิด กลากเกลื้อนเรื้อนกวาง ใบ ทำยาเส้นผสมกับปูนแดงและใบต้น เนียม ปรุงเป็นยานัตถุ์แก้หวัดคัดจมูก ใบ มีสารนิโคติน ใช้เป็นยาฆ่าแมลง ซึ่งจัดเป็นสารพิษชนิดหนึ่ง
ยาห้าราก
แก้หวัดติดเชื้อ
ในช่วง
ปลายฝนต้นหนาวของทุกปี โรคไข้หวัด จะระบาดมีคนเป็นกันเยอะ หากเป็นหวัดธรรมดาจะไม่ร้ายแรงนัก
แต่ถ้าเป็นหวัดติดเชื้อไม่ไปพบแพทย์ อาจเสียชีวิตได้
ซึ่งในทางสมุนไพรมีตัวยาใช้แก้โรคหวัดติดเชื้อ และใช้กันมานานแต่โบราณ
ได้ผลดีระดับหนึ่ง เรียกว่า "ยาห้าราก" หรือ "เบญจโลกวิเชียร"
มีวิธีทำคือ เอาเฉพาะรากของสมุนไพร 5 อย่าง มี รากต้นคนทา รากย่านาง รากต้นท้าวยายม่อม
รากต้นชิงซี่ และ รากต้นมะเดื่ออุทุมพร แบบสดจำนวนเท่ากันอย่างละ 15 กรัม ต้มกับน้ำท่วมยา หรือให้มากหน่อยจนเดือด
ดื่มเรื่อยๆจะเป็นยาต้านโรคหวัดทั่วไปและหวัดติดเชื้อดีมาก
คนทา เป็นไม้พุ่มแกมเถา อยู่ในวงศ์ SIMAROU- BACEAE รากแก้ไข้ทุกชนิด สารสกัดจากรากและกิ่งมีฤทธิ์ต้าน "ฮีสตามีน" ซึ่งทำให้เกิดอาการแพ้ สารสกัด จากใบมีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย ย่านาง เป็นไม้เถา อยู่ ในวงศ์ MENISPERMACEAE รากต้มน้ำดื่มแก้ไข้ทุกชนิด สารสกัดจากรากต้านมาลาเรียชนิด "พัลชิพารัม" ท้าวยายม่อม เป็นไม้พุ่ม อยู่ในวงศ์ VERBENACEAE รากเป็นยาขับเสมหะ ดับพิษไข้ แก้ร้อนใน ชิงซี่ เป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อย อยู่ในวงศ์ CAPPARACEAE รากแก้ไข้ โรคกระเพาะ ขับลม ขับปัสสาวะ รากและใบตำพอกแก้ฟกช้ำบวม ใบต้มน้ำอาบรักษาโรคผิวหนัง มะเดื่ออุทุมพร เป็นไม้ยืนต้น อยู่ในวงศ์ MORACEAE รากแก้ไข้พิษ ไข้กาฬ (ไข้ที่มีตุ่มที่อวัยวะภายใน หรือที่ผิวหนัง ซึ่งตุ่มอาจมีสีดำ) แก้ร้อนใน เปลือกต้นรสฝาด ห้ามเลือดและล้างแผล ซึ่งนอกจากต้นย่านาง อีก 4 ชนิดมีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอก ไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง "คุณพร้อมพันธุ์" ปัจจุบัน "ยาห้าราก" มีทำแคปซูลบรรจุขวดขายแล้ว
คนทา เป็นไม้พุ่มแกมเถา อยู่ในวงศ์ SIMAROU- BACEAE รากแก้ไข้ทุกชนิด สารสกัดจากรากและกิ่งมีฤทธิ์ต้าน "ฮีสตามีน" ซึ่งทำให้เกิดอาการแพ้ สารสกัด จากใบมีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย ย่านาง เป็นไม้เถา อยู่ ในวงศ์ MENISPERMACEAE รากต้มน้ำดื่มแก้ไข้ทุกชนิด สารสกัดจากรากต้านมาลาเรียชนิด "พัลชิพารัม" ท้าวยายม่อม เป็นไม้พุ่ม อยู่ในวงศ์ VERBENACEAE รากเป็นยาขับเสมหะ ดับพิษไข้ แก้ร้อนใน ชิงซี่ เป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อย อยู่ในวงศ์ CAPPARACEAE รากแก้ไข้ โรคกระเพาะ ขับลม ขับปัสสาวะ รากและใบตำพอกแก้ฟกช้ำบวม ใบต้มน้ำอาบรักษาโรคผิวหนัง มะเดื่ออุทุมพร เป็นไม้ยืนต้น อยู่ในวงศ์ MORACEAE รากแก้ไข้พิษ ไข้กาฬ (ไข้ที่มีตุ่มที่อวัยวะภายใน หรือที่ผิวหนัง ซึ่งตุ่มอาจมีสีดำ) แก้ร้อนใน เปลือกต้นรสฝาด ห้ามเลือดและล้างแผล ซึ่งนอกจากต้นย่านาง อีก 4 ชนิดมีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอก ไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง "คุณพร้อมพันธุ์" ปัจจุบัน "ยาห้าราก" มีทำแคปซูลบรรจุขวดขายแล้ว
ยูเรก้าเลม่อน
แท้ปลายผลแหลม
ผม
เคยแนะนำมะนาวเลม่อนไร้เมล็ดไปในคอลัมน์ ปรากฏว่ามีผู้อ่านไทยรัฐสงสัยว่า
มะนาวเลม่อนมีกี่สายพันธุ์ เนื่องจากพบว่ามีต้น "ยูเรก้าเลม่อน" วางขาย
และผู้ขายบอกว่าเป็นมะนาวเลม่อนพันธุ์แท้ ไม่ใช่
ต้นเดียวกับมะนาวเลม่อนไร้เมล็ดที่ผมแนะนำและมีข้อแตกต่างกันเยอะ ซึ่งผมขอยืนยันว่า
"ยูเรก้าเลม่อน" เป็นคนละต้นกับมะนาวเลม่อนไร้เมล็ดจริงตามที่ผู้ขายบอก
เป็นเลม่อนพันธุ์แท้ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศในแถบยุโรปและอเมริกา
ส่วนมะนาวเลม่อนไร้เมล็ดมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมจากประเทศไต้หวัน
มีข้อแตกต่างกัน คือ รูปทรงของผลมะนาวเลม่อนไร้เมล็ดเป็นทรงหยดน้ำ ปลายผลมน เปลือกไม่หนามากนัก และมีน้ำเยอะ แต่รูปทรงผล "ยูเรก้าเลม่อน" เป็นทรงกลมรี ปลายผลมีติ่งแหลมชัดเจน ที่ สำคัญเปลือกผลจะหนามาก มีน้ำน้อยหรือบางผลแทบไม่มีน้ำเลย ดังนั้น ในประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกาจึงนิยมใช้เฉพาะเปลือกผลของ "ยูเรก้าเลม่อน" ทำค็อกเทลและปรุงอาหารหลายอย่าง ส่วนลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกันหมด เพียงแต่หนามของ "ยูเรก้าเลม่อน" จะมีน้อยกว่าเท่านั้นเอง
ยูเรก้าเลม่อน หรือ "มะนาวยูเรก้า เลม่อน" เป็นไม้พุ่มสูง 3-5 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาแน่น มีหนามน้อยเฉพาะปลายยอด ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเป็นรูปรีแกมรูปไข่กลับ หรือเป็นรูปใบหอก ปลายแหลม โคนมน หรือป้าน เนื้อใบค่อนข้างหนา สีเขียวสด ใบเมื่อเด็ดขยี้ดมจะได้กลิ่นหอมแรงชื่นใจดี
ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆหรือเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด มีกลีบดอก 5 กลีบ เป็นสีขาว มีกลิ่นหอม "ผล" รูปกลมรีและยาว ปลายผลมีติ่งแหลมเป็นเอกลักษณ์ เปลือกผลหนามาก ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่หรือสุกเป็นสีเหลือง เปลือกมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมขูดไปประกอบอาหารคาวหวานหลายอย่าง เนื้อในฉ่ำน้ำเล็กน้อย หรือมีน้ำเล็กน้อย มีเมล็ดหลายเมล็ดติดผลได้เรื่อยๆ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง และเสียบยอด
ปัจจุบัน "ยูเรก้าเลม่อน" หรือ "มะนาวยูเรก้าเลม่อน" มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวน จตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง "คุณพร้อมพันธุ์" ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทั่วไป หลังปลูกช่วงแรกรดน้ำพอชุ่มเช้าเย็น บำรุงปุ๋ยมูลสัตว์จำพวกขี้วัวหรือขี้ควายแห้งโรยกลบฝังดินรอบโคนต้นเดือนละครั้ง สลับกับใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 ครึ่งเดือนครั้ง ตัดแต่งกิ่งอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ "ยูเรก้าเลม่อน" หรือ มะนาวยูเรก้าเลม่อน" มีผลให้เก็บใช้ประโยชน์ไม่ขาดต้นครับ.
มีข้อแตกต่างกัน คือ รูปทรงของผลมะนาวเลม่อนไร้เมล็ดเป็นทรงหยดน้ำ ปลายผลมน เปลือกไม่หนามากนัก และมีน้ำเยอะ แต่รูปทรงผล "ยูเรก้าเลม่อน" เป็นทรงกลมรี ปลายผลมีติ่งแหลมชัดเจน ที่ สำคัญเปลือกผลจะหนามาก มีน้ำน้อยหรือบางผลแทบไม่มีน้ำเลย ดังนั้น ในประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกาจึงนิยมใช้เฉพาะเปลือกผลของ "ยูเรก้าเลม่อน" ทำค็อกเทลและปรุงอาหารหลายอย่าง ส่วนลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกันหมด เพียงแต่หนามของ "ยูเรก้าเลม่อน" จะมีน้อยกว่าเท่านั้นเอง
ยูเรก้าเลม่อน หรือ "มะนาวยูเรก้า เลม่อน" เป็นไม้พุ่มสูง 3-5 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาแน่น มีหนามน้อยเฉพาะปลายยอด ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเป็นรูปรีแกมรูปไข่กลับ หรือเป็นรูปใบหอก ปลายแหลม โคนมน หรือป้าน เนื้อใบค่อนข้างหนา สีเขียวสด ใบเมื่อเด็ดขยี้ดมจะได้กลิ่นหอมแรงชื่นใจดี
ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆหรือเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด มีกลีบดอก 5 กลีบ เป็นสีขาว มีกลิ่นหอม "ผล" รูปกลมรีและยาว ปลายผลมีติ่งแหลมเป็นเอกลักษณ์ เปลือกผลหนามาก ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่หรือสุกเป็นสีเหลือง เปลือกมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมขูดไปประกอบอาหารคาวหวานหลายอย่าง เนื้อในฉ่ำน้ำเล็กน้อย หรือมีน้ำเล็กน้อย มีเมล็ดหลายเมล็ดติดผลได้เรื่อยๆ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง และเสียบยอด
ปัจจุบัน "ยูเรก้าเลม่อน" หรือ "มะนาวยูเรก้าเลม่อน" มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวน จตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง "คุณพร้อมพันธุ์" ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทั่วไป หลังปลูกช่วงแรกรดน้ำพอชุ่มเช้าเย็น บำรุงปุ๋ยมูลสัตว์จำพวกขี้วัวหรือขี้ควายแห้งโรยกลบฝังดินรอบโคนต้นเดือนละครั้ง สลับกับใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 ครึ่งเดือนครั้ง ตัดแต่งกิ่งอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ "ยูเรก้าเลม่อน" หรือ มะนาวยูเรก้าเลม่อน" มีผลให้เก็บใช้ประโยชน์ไม่ขาดต้นครับ.
หลายคน อยากทราบว่าต้น “รกฟ้า” มีสรรพคุณทางสมุนไพรอย่างไร
และหาซื้อต้นไปปลูกได้จากแหล่งไหน ซึ่ง ในตำรายาพื้นบ้านภาคอีสานระบุว่า ลำต้น ของ
“รกฟ้า” นำไปต้มน้ำดื่มเป็นยาแก้กษัยเส้น
(อาการผิดปกติของสมดุลธาตุทั้งสี่ในร่างกายและเส้นเอ็น มีอาการได้หลายแบบ
ส่วนใหญ่เป็นการอักเสบ ปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นในส่วนต่างๆของร่างกาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นขาและท้อง)
ในหลอดทดลอง สารสกัด เมทานอล จากใบและลำต้นแห้งที่ความเข้มข้น 200 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ของเชื้อไวรัส “เอดส์” HIV–1 REVERS TRANSCRIPTASE สารสกัด แอลกอฮอล์ 50 เปอร์เซ็นต์จากเปลือกต้นของ “รกฟ้า” มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในสุนัขได้ พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ หากให้สารสกัดดังกล่าวในขนาด 100 มก.ต่อ 1 กก.ไม่มีพิษ
ในหลอดทดลอง สารสกัด เมทานอล จากใบและลำต้นแห้งที่ความเข้มข้น 200 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ของเชื้อไวรัส “เอดส์” HIV–1 REVERS TRANSCRIPTASE สารสกัด แอลกอฮอล์ 50 เปอร์เซ็นต์จากเปลือกต้นของ “รกฟ้า” มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในสุนัขได้ พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ หากให้สารสกัดดังกล่าวในขนาด 100 มก.ต่อ 1 กก.ไม่มีพิษ
รกฟ้า หรือ TERMINALIA ALATA HEYNE
EX ROTH อยู่ในวงศ์ COMBRETACEAE เป็นไม้ยืนต้น
สูง 20-30 เมตร ผลัดใบ ใบเดี่ยว ออกตรงกันข้าม รูปขอบขนาน ปลายและโคนใบแหลม ดอก
ออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง ไม่มีกลีบดอก กลีบเลี้ยงสีเหลืองแกมน้ำตาล “ผล” มีปีกหนา 5 ปีก แข็ง
ภายในมี 1 เมล็ด ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด และตอนกิ่ง มีชื่อ
เรียกอีกคือ ฮกฟ้า (เหนือ) กอง (เหนือ-สงขลา) เชือก (สุโขทัย) เซียก, เซือก (อีสาน)
มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ แผง “คุณตุ๊ก” หน้าตึกกองอำนวยการ และที่ งานสมุน-ไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 5-9 ก.ย.55 ที่อิมแพค เมืองทองธานี บริเวณฮอลล์ 7 โซนต้นไม้ ร้าน “คุณตุ๊ก” ราคาสอบถามกันเองครับ.
เร่ว ไม่ใช่หน่อกะลา
ผู้อ่านไทยรัฐ จำนวนมากเข้าใจผิดคิดว่า“เร่ว” คือต้นเดียวกันกับต้น หน่อกะลา ที่พบขึ้นเฉพาะถิ่นตามชายน้ำแถบ อ.เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี มีลักษณะต้นคล้ายกับต้น “เร่ว” มาก ชาวบ้านในพื้นที่นิยมนำเอาหน่อกะลาไปปรุงเป็นอาหารหลายอย่าง เช่น แกงคั่วหน่อกะลาใส่ปลาทูสด หรือ สับละเอียดใส่ทอดมันหน่อกะลา รสชาติมันกรอบอร่อยไม่เผ็ดปร่าลิ้นเหมือนกับ “เร่ว” หรือ ข่า ซึ่ง หน่อกะลา มีชื่อ วิทยาศาสตร์ว่าALPINIA NIGRABURRT อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE มีปลูกและขายเฉพาะถิ่นเพียงแห่งเดียวคือที่เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี เท่านั้น
ส่วน “เร่ว” มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ AMOMUM XANTHIOIDES WALL. อยู่ในวงศ์ ZINGI-BERACEAE ซึ่งจะสังเกตได้ชัดเจนว่า ชื่อวิทยาศาสตร์ต่างกัน แต่อยู่ในวงศ์เดียวกัน ดังนั้น “เร่ว” จึงไม่ใช่ต้นเดียวกันกับต้นหน่อกะลาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม “เร่ว” จะมีความเหมือนคือ ใช้ปรุงเป็นอาหารได้เช่นเดียวกันคือ นิยมใช้เป็นเครื่องเทศแบบกระวาน ใส่ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเลียง แกงบอน ต้มพะโล้ ผล จิ้มนํ้าพริก หน่ออ่อน ต้มจิ้มนํ้าพริก รสชาติเผ็ดปร่าลิ้นอร่อยมาก
นอกจากนั้น “เร่ว” ยังมีสรรพคุณทางยาคือ ใบ แก้ปัสสาวะพิการ ดอก รักษาพิษอันเป็นเม็ดผื่นคัน ผลรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด แก้ธาตุพิการ แก้เสมหะไม่ดี รักษาโรคริดสีดวงทวาร บรรเทาอาการกระหายนํ้า แก้มุตกิดระดูขาว แก้หืด ไอ แก้ความดันโลหิตสูง แก้ไข้สันนิบาต ขับผายลม ทำให้เรอ เมล็ด ขับลม ขับนํ้านม แก้ปวดท้อง แก้คลื่นเหียนอาเจียน ลดไขมันในเลือด ลดความเป็นพิษของสารที่มีต่อตับ ต้น แก้คลื่นเหียนอาเจียน และรักษาหืดได้ด้วย
เร่ว เป็นไม้ล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปใบหอกแคบ ปลายแหลม โคนก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น ดอก ออกเป็นช่อแทงขึ้นจากเหง้าโดยตรง ก้านช่อดอกยาว ดอกโคนเชื่อมกันเป็นท่อ ปลายแยกเป็นกลีบดอกสีชมพูอ่อน “ผล” รูปกลมรี หรือรูปไข่ มีสันรอบผล ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อผลแก่เป็นสีนํ้าตาล ภายในมีเมล็ดสีนํ้าตาลคล้ายการบูร ขยายพันธุ์ด้วยหน่อและเมล็ด ปัจจุบัน “เร่ว” มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับสวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง “คุณพร้อมพันธุ์” ราคาสอบถามกันเอง สมัยก่อน “เร่ว” นิยมปลูกเป็นพืชครัวมาแต่โบราณ เพื่อใช้ประโยชน์เป็นอาหารและเป็นยาตามที่กล่าวข้างต้นครับ.
รากมะละกอ
บำบัดเกี่ยวกับไต
ในตำรายาแผนไทยระบุชื่อสมุนไพรมีไม่ต่ำกว่า
19 ชนิด
ที่มีสรรพคุณใช้เป็นยาบำบัดเกี่ยวกับไต และในจำนวนนั้นมีมะละกอรวมอยู่ด้วย
ซึ่งในวันนี้จะขอกล่าวถึง "รากมะละกอ" บำบัดเกี่ยวกับไตเพียงอย่างเดียว
โดยใครที่เริ่มจะมีอาการของโรคไตไม่ใช่เป็นมานานแล้ว ในตำรายาแผนไทย ให้เอา
"รากมะละกอ" กะจำนวนตามต้องการ
หรือพอประมาณต้มกับน้ำจนเดือดแล้วดื่มขณะยังอุ่นครั้งละ 1 แก้ว
วันละ 2 ครั้ง เช้าเย็นก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ดื่มจนยาจืด
ไม่จำเป็นจะต้องกินติดต่อกันแบบประจำ กินวันเว้นวัน หรืออาทิตย์เว้นอาทิตย์ก็ได้
ดื่มประมาณ 1 เดือนจะสังเกตได้ว่าอาการเกี่ยวกับไตจะดีขึ้น
ใครที่มีอาการเกี่ยวกับไตใหม่ๆ ทดลองต้มดื่มได้ไม่มีอันตรายอะไร
หากไม่ถูกโฉลกก็หยุดเลย
มะละกอ หรือ CARICA PAPAYA LINN. อยู่ในวงศ์ CARICACEAE มีต้นขายทั่วไปที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ส่วนผลมีขายตามตลาดสดทั่วไป มีสรรพคุณคือ รากและก้านใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ หนองใน ยางใช้กัดแผลและฆ่าแม่พยาธิทั้งปวง ยาพื้นบ้านบางแห่งใช้ต้นมะละกอที่ไม่สูงใหญ่นักทั้งต้นมัด 3 เปลาะต้มน้ำเดือดรับประทานจนจืดเป็นยาแก้มุตกิด ขับระดูขาว ใบต้มดื่มเป็นยาบำรุงหัวใจ ขับพยาธิ แก้ไข้ แก้บิด แก้ปวดบวม ขับปัสสาวะ ผลสุก บำรุงน้ำนม ระบายท้อง ยางจากผลดิบกัดหูด ไฝ ฝ้า ยาง ทำครีมทากันส้นเท้าแตก
ต้นมะละกอส่วนโคนที่ติดกับดิน หั่นเป็นชิ้นบางๆ เล็กๆ นวดกับเกลือป่นทำเป็นหัวไชโป๊รับประทานได้ กระดานดำ ของ "หมอดู" สมัยโบราณทำจากต้นมะละกอแห้งลงรักทาเขม่าไฟเป็นกระดานชนวนที่เบามาก ตกไม่แตก เขียนติดดี ใช้ได้หลายชั่วคน (ปัจจุบันไม่มีแล้ว) ลำต้นกับก้านใบกะพอประมาณต้มน้ำ รวมกับเสื้อผ้ายกเว้นผ้าห่มซักแทนสบู่ได้อีกด้วย
มะละกอ หรือ CARICA PAPAYA LINN. อยู่ในวงศ์ CARICACEAE มีต้นขายทั่วไปที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ส่วนผลมีขายตามตลาดสดทั่วไป มีสรรพคุณคือ รากและก้านใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ หนองใน ยางใช้กัดแผลและฆ่าแม่พยาธิทั้งปวง ยาพื้นบ้านบางแห่งใช้ต้นมะละกอที่ไม่สูงใหญ่นักทั้งต้นมัด 3 เปลาะต้มน้ำเดือดรับประทานจนจืดเป็นยาแก้มุตกิด ขับระดูขาว ใบต้มดื่มเป็นยาบำรุงหัวใจ ขับพยาธิ แก้ไข้ แก้บิด แก้ปวดบวม ขับปัสสาวะ ผลสุก บำรุงน้ำนม ระบายท้อง ยางจากผลดิบกัดหูด ไฝ ฝ้า ยาง ทำครีมทากันส้นเท้าแตก
ต้นมะละกอส่วนโคนที่ติดกับดิน หั่นเป็นชิ้นบางๆ เล็กๆ นวดกับเกลือป่นทำเป็นหัวไชโป๊รับประทานได้ กระดานดำ ของ "หมอดู" สมัยโบราณทำจากต้นมะละกอแห้งลงรักทาเขม่าไฟเป็นกระดานชนวนที่เบามาก ตกไม่แตก เขียนติดดี ใช้ได้หลายชั่วคน (ปัจจุบันไม่มีแล้ว) ลำต้นกับก้านใบกะพอประมาณต้มน้ำ รวมกับเสื้อผ้ายกเว้นผ้าห่มซักแทนสบู่ได้อีกด้วย
รางจืดเถาดอกม่วง
แก้ไข้เลือดออกได้
รางจืดเถาดอกม่วง
เป็นสมุนไพรที่นำไปเข้าสูตรยาใช้รักษาโรคได้หลายโรค เคยแนะนำไปหลายสูตรแล้ว
ส่วนสูตรแก้ไข้เลือดออกมีวิธีง่ายๆคือ เอาใบที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไปจำนวน 7 ใบ
ตำละเอียดผสมน้ำซาวข้าวเจ้าบีบเอาน้ำให้ผู้เป็นไข้เลือดออกกิน ซึ่งอายุ 1-4
ขวบ กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร อายุ 3-4 ขวบ กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ อายุ 5-7 ขวบ กินครั้งละ 3 ช้อนโต๊ะ อายุ 7-12 ขวบ กิน 4 ช้อนโต๊ะ
และอายุ 12 ปีขึ้นไปกินครั้งละครึ่งแก้ว 3 เวลาเหมือนกัน อาการหลังกินวันแรกประมาณครึ่งชั่วโมงตัวยาจะขับพิษไข้เลือดออกเป็นเหงื่อตามหน้าผากและหน้าอกจำนวนมาก
จากนั้นวันถัดไปอาการจะดีขึ้นหายได้
รางจืดเถาดอกม่วง หรือ THUNBERGIA LAURIFOLIA LINN. อยู่ในวงศ์ THUNBERGIACEAE เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง ดอกออกตามปลายยอด สีม่วงอมน้ำเงินสวยงามมาก มีชื่อเรียกอีกเยอะ เช่น กำลังช้างเผือก, รางเย็น เป็นต้น สรรพคุณทั่วไป น้ำคั้นจากใบสดกินแก้ไข้ ถอนพิษต่างๆ เถาหรือรากฝนน้ำดื่มถอนพิษได้เช่นกัน เคยแนะนำในคอลัมน์ไปหลายครั้งแล้ว ซึ่ง "รางจืดเถาดอกม่วง" มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวน จตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง "คุณพร้อมพันธุ์" ราคาสอบถามกันเอง เหมาะจะปลูกเป็นสมุนไพรใกล้มือในบริเวณบ้าน เพื่อใช้ประโยชน์ตามที่กล่าวข้างต้นได้ดีมาก
ผู้อ่านไทยรัฐ
จำนวนมากเรียกร้องให้บอกวิธีใช้ "รางจืด" ถอนพิษต่างๆโดยเฉพาะ
ผู้ถูกยาพิษ ถูกวางยา หรือ กินอาหารสิ่งเป็นพิษโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งพิษที่กล่าวมามีฤทธิ์ทำให้เสียชีวิตได้ และในการใช้ "รางจืด"
ถอนพิษเคยเป็นข่าวฮือฮามาแล้ว มีผู้กินแมงดาทะเลมีพิษรักษาไม่ได้ นอนรอความตาย
บรรดาญาติจึงเอา "รางจืด" ฝนกับน้ำกรอกปากรอดชีวิตมาได้เหลือเชื่อ
ซึ่งวิธีใช้ "รางจืด" ถอนพิษต่างๆให้ ปฏิบัติดังนี้คือ รางจืดเถาดอกม่วง หรือ THUNBERGIA LAURIFOLIA LINN. อยู่ในวงศ์ THUNBERGIACEAE เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง ดอกออกตามปลายยอด สีม่วงอมน้ำเงินสวยงามมาก มีชื่อเรียกอีกเยอะ เช่น กำลังช้างเผือก, รางเย็น เป็นต้น สรรพคุณทั่วไป น้ำคั้นจากใบสดกินแก้ไข้ ถอนพิษต่างๆ เถาหรือรากฝนน้ำดื่มถอนพิษได้เช่นกัน เคยแนะนำในคอลัมน์ไปหลายครั้งแล้ว ซึ่ง "รางจืดเถาดอกม่วง" มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวน จตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง "คุณพร้อมพันธุ์" ราคาสอบถามกันเอง เหมาะจะปลูกเป็นสมุนไพรใกล้มือในบริเวณบ้าน เพื่อใช้ประโยชน์ตามที่กล่าวข้างต้นได้ดีมาก
เอาราก "รางจืด" ชนิดเป็นไม้เถา มีดอกสีม่วง และต้องเป็นรากจากต้นที่ปลูกนานเกิน 6 เดือนขึ้นไป แบบสดฝนผสมกับน้ำซาวข้าวให้ผู้ถูกพิษชนิดต่างๆกิน 4 ช้อนโต๊ะ จะอาเจียนเอาพิษออกมาทำให้อาการถูกพิษดีขึ้นและหายได้ในที่สุด
รางจืด ชนิดที่เป็นไม้เถา มีดอกเป็นสีม่วง มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ THUNBERGIA LAURIFO-LIA LINN. อยู่ในวงศ์ THUNBERGIACEAE "ผล" เป็นฝัก มีเมล็ด ดอกออกเดือนพฤศจิกายน-มกราคมปีถัดไป พบขึ้นตามชายป่าดิบป่า ละเมาะทั่วไป มีสรรพคุณเฉพาะ รากและเถา แก้ร้อนในกระหายน้ำ ใบสดตำคั้นเอาน้ำเข้ายาเขียวแก้ไข้ และถอนพิษ
ลูกเดือย สูตรรักษาไต
โภชนาบำบัด
มีหลากหลายสูตร กินแล้วรักษาโรคให้ทุเลาหรือหายได้ และ "ลูกเดือย"
ก็มีสูตรกินแล้วรักษาโรคไตได้ โดยใครที่เพิ่งเริ่มเป็นหรือเป็นถึงระดับจะต้องฟอกไต
มีวิธีทำกินแบบง่ายๆ คือ เอา "ลูกเดือย" แบบแห้ง กะจำนวนเอาเองให้กินได้
2 มื้อต่อวัน
มื้อละ 1 ถ้วย เช้ากับเย็น ต้มกับน้ำกะพอประมาณจน
"ลูกเดือย" สุกแล้วใส่ไข่ขาวจากไข่ไก่ 1 ฟอง
ลงไปตักแบ่งกินทั้งน้ำและเนื้อ 2 มื้อตามที่กล่าวข้างต้น
ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ทำกินทุกวัน 2-3 เดือนอาการโรคไตจะดีขึ้น
ไม่ต้องฟอกไตได้ สูตรนี้มีคนทำกินแล้วได้ผลกันเยอะ
ลูกเดือย หรือ COIXIACHRYMA JOBI LINN. อยู่ในวงศ์ GRAMINEAE มีสรรพคุณเป็นยาเย็น ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน บำรุงไต บำรุงม้าม บำรุงเลือดลมในสตรีหลังคลอด หรือเอา "ลูกเดือย" 2 ส่วน หุงกับข้าว 1 ส่วน กินทุกวัน และกินเป็นประจำจะช่วยให้คนที่เริ่มเป็นโรคเกาต์หายได้ แต่ต้องระวังไม่กินอาหารแสลงอีก รับรองได้ผลแน่นอน
ลูกเดือย หรือ COIXIACHRYMA JOBI LINN. อยู่ในวงศ์ GRAMINEAE มีสรรพคุณเป็นยาเย็น ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน บำรุงไต บำรุงม้าม บำรุงเลือดลมในสตรีหลังคลอด หรือเอา "ลูกเดือย" 2 ส่วน หุงกับข้าว 1 ส่วน กินทุกวัน และกินเป็นประจำจะช่วยให้คนที่เริ่มเป็นโรคเกาต์หายได้ แต่ต้องระวังไม่กินอาหารแสลงอีก รับรองได้ผลแน่นอน
ลิ้นมังกร
กับสูตรแก้ความดันโลหิต
สมุนไพร
ที่มีสรรพคุณในด้านลดความดันโลหิตสูงมีหลายสูตร แต่ละสูตรจะมีส่วนผสมต่างกันไป
ซึ่งบางสูตรมีส่วนผสมสมุนไพรหลายอย่าง และบางสูตรก็ใช้แบบเดี่ยวๆ
อยู่ที่ผู้ใช้หรือกินได้ผลกับยาตัวไหน สามารถกินหรือใช้ไปเรื่อยๆได้
แต่ไม่ต้องประจำ ไตจะได้ไม่ทำงานหนัก และ "ลิ้นมังกร"
ก็เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีสูตรแก้ความดันโลหิตสูงได้ โดยมีวิธีทำง่ายๆคือ
เอาต้น "ลิ้นมังกร" ทั้งต้นรวมรากล้างน้ำให้สะอาด จำนวน 500 กรัม ใส่หม้อต้มกับน้ำ 1,000
ลิตร จนเดือด 20 นาที
ใครที่ไม่เป็นเบาหวานสามารถใส่น้ำตาลกรวดลงไปเล็กน้อยได้ กินครั้งละ 1 แก้ว เช้า กลางวัน เย็น ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
จะทำให้อาการดีขึ้นและควบคุมได้
ลิ้นมังกร (DRAGON'S TONGUE) หรือ SAUROPUS
CHANGIANA S.Y. HU. อยู่ในวงศ์ EUPHORBIACEAE เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก
ใบคล้ายลิ้น มีลายคล้ายลายมังกร จึง ถูกเรียกว่าต้น "ลิ้นมังกร"
มีสรรพคุณเฉพาะอีกคือ ทั้งต้น ต้มน้ำดื่มขณะอุ่นแทนน้ำชาประจำ เป็นยาแก้ไอแห้ง
บำรุงปอด แก้อาการเจ็บคอ ใบ แยกต้มดื่ม แก้ไอเป็นเลือดดีมาก
มีต้นขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21
แผง "คุณพร้อมพันธุ์" ราคาสอบถามกันเอง
ลางสาดป่า
เปรี้ยวมีสรรพคุณ
ลางสาดป่า
พบขึ้นทุกภาคของประเทศไทย โดยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่บนเขาหรือป่าดิบชื้น
พบมากที่สุดในแถบจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง และจะมีการขยายพันธุ์ปลูกประปราย
เพื่อเก็บเอาผลขายเหมือนกับผลของลางสาดทั่วไป
ได้รับความนิยมจากผู้รับประทานในท้องถิ่นอย่างแพร่หลาย
ส่วนใหญ่คนที่ชอบผลไม้รสเปรี้ยวจะเป็นลูกค้าประจำ เพราะรับประทานแล้วชุ่มคอชื่นใจดีมาก
นอกจากผลของ "ลางสาดป่า" จะรับประทานได้ตามที่กล่าวแล้ว บางส่วนจากต้นยังมีสรรพคุณดีอีกด้วย โดย เปลือกต้น ของ "ลางสาดป่า" ชาวบ้านในยุคสมัยก่อนที่ยังไม่มียากันยุงใช้ จะใช้มีดสับเอาเปลือกต้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดจนแห้งแล้วนำไปสุมไฟให้มีควันขึ้น เป็นยาไล่ยุงได้เด็ดขาดนัก ซึ่งเปลือกของต้นลางสาดทุกชนิดสามารถนำไปตากแห้งสุมไฟไล่ยุงได้เหมือนกันหมด ปัจจุบันบางพื้นที่ยังใช้อยู่
เนื้อไม้จากลำต้น กับ ราก นำไปผสมกับราก ต้นทองกวาว และต้น กาฝากยางเฮียง ทั้งต้น ต้มกับนํ้าจนเดือดดื่มขณะอุ่น เป็นยาแก้อาการทางประสาท ได้เหมือนกับเนื้อไม้ของ ต้นค้างคาว ผู้ที่มีอาการซึม ไม่พูดจา นัยน์ตาขวางเหมือนคนบ้า หรือชอบนั่งพูดคนเดียวทั้งวันไม่หยุด บ่นพึมพำตลอดเวลา ให้ดื่มนํ้าต้มดังกล่าวแล้วอาการจะค่อยๆทุเลาลงและหายได้ในที่สุด เปลือกต้นมีรสฝาด กับ เปลือกผล มีสาร "โอเลอเรซิน" แบบสดๆ ทั้งสองอย่างเมื่อนำไปต้มรวมกันจนเดือดดื่มเป็นยาแก้ท้องร่วง แก้ปวดท้องได้ เมล็ด รสขม ต้มนํ้าดื่มแก้โรคกระเพาะอาหารด้วย
ลางสาดป่า อยู่ในวงศ์เดียวกับลางสาดทั่วไป คือ MELIACEAE เป็นไม้ยืนต้น อยู่ในตระกูลเดียวกับลองกอง ต้นสูง 5-8 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับรอบกิ่งก้านหนาแน่นบริเวณปลายยอด ใบย่อยออกเรียงสลับ เป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายและโคนใบแหลม ขอบใบมักเป็นคลื่น สีเขียวสด เวลาแตกยอดอ่อนมักจะเป็นสีนํ้าตาลเข้มน่าชมยิ่งนัก
ดอก ออกเป็นช่อ หรือเป็นพวงตามซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกเป็นสีเหลือง "ผล" เป็นรูปทรงกลม สีเหลืองเหมือนกับลางสาดทั่วไปทุกอย่าง แต่ผลของ "ลางสาดป่า" มักจะมีร่องแบ่งเป็นพูอย่างชัดเจน ติดผลเป็นกระจุกหนาแน่นจำนวนมาก เนื้อหุ้มเมล็ดรสเปรี้ยวรับประทานได้ ติดผล แก่ช่วงฤดูร้อนของทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง "คุณพร้อมพันธุ์" ราคาสอบถามกันเองครับ.
นอกจากผลของ "ลางสาดป่า" จะรับประทานได้ตามที่กล่าวแล้ว บางส่วนจากต้นยังมีสรรพคุณดีอีกด้วย โดย เปลือกต้น ของ "ลางสาดป่า" ชาวบ้านในยุคสมัยก่อนที่ยังไม่มียากันยุงใช้ จะใช้มีดสับเอาเปลือกต้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดจนแห้งแล้วนำไปสุมไฟให้มีควันขึ้น เป็นยาไล่ยุงได้เด็ดขาดนัก ซึ่งเปลือกของต้นลางสาดทุกชนิดสามารถนำไปตากแห้งสุมไฟไล่ยุงได้เหมือนกันหมด ปัจจุบันบางพื้นที่ยังใช้อยู่
เนื้อไม้จากลำต้น กับ ราก นำไปผสมกับราก ต้นทองกวาว และต้น กาฝากยางเฮียง ทั้งต้น ต้มกับนํ้าจนเดือดดื่มขณะอุ่น เป็นยาแก้อาการทางประสาท ได้เหมือนกับเนื้อไม้ของ ต้นค้างคาว ผู้ที่มีอาการซึม ไม่พูดจา นัยน์ตาขวางเหมือนคนบ้า หรือชอบนั่งพูดคนเดียวทั้งวันไม่หยุด บ่นพึมพำตลอดเวลา ให้ดื่มนํ้าต้มดังกล่าวแล้วอาการจะค่อยๆทุเลาลงและหายได้ในที่สุด เปลือกต้นมีรสฝาด กับ เปลือกผล มีสาร "โอเลอเรซิน" แบบสดๆ ทั้งสองอย่างเมื่อนำไปต้มรวมกันจนเดือดดื่มเป็นยาแก้ท้องร่วง แก้ปวดท้องได้ เมล็ด รสขม ต้มนํ้าดื่มแก้โรคกระเพาะอาหารด้วย
ลางสาดป่า อยู่ในวงศ์เดียวกับลางสาดทั่วไป คือ MELIACEAE เป็นไม้ยืนต้น อยู่ในตระกูลเดียวกับลองกอง ต้นสูง 5-8 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับรอบกิ่งก้านหนาแน่นบริเวณปลายยอด ใบย่อยออกเรียงสลับ เป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายและโคนใบแหลม ขอบใบมักเป็นคลื่น สีเขียวสด เวลาแตกยอดอ่อนมักจะเป็นสีนํ้าตาลเข้มน่าชมยิ่งนัก
ดอก ออกเป็นช่อ หรือเป็นพวงตามซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกเป็นสีเหลือง "ผล" เป็นรูปทรงกลม สีเหลืองเหมือนกับลางสาดทั่วไปทุกอย่าง แต่ผลของ "ลางสาดป่า" มักจะมีร่องแบ่งเป็นพูอย่างชัดเจน ติดผลเป็นกระจุกหนาแน่นจำนวนมาก เนื้อหุ้มเมล็ดรสเปรี้ยวรับประทานได้ ติดผล แก่ช่วงฤดูร้อนของทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 21 แผง "คุณพร้อมพันธุ์" ราคาสอบถามกันเองครับ.
เล็บมือนางต้น
ดอกหอมสีสวย
คนส่วนใหญ่จะรู้จักและคุ้นเคยกับต้น
เล็บมือนาง เฉพาะชนิดที่เป็นไม้เถาเลื้อย ต้นหรือเถาสามารถเลื้อย ได้ไกลเกินกว่า 5 เมตร
นิยมปลูกประดับกันมาช้านานแล้ว ความโดดเด่น คือ ดอก เปลี่ยนสีได้เป็น 2 สี โดย เมื่อแรกบานเป็นสีขาว จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีแดง
สวยงามน่าชมยิ่ง ดอก มีกลิ่นหอมเป็นเสน่ห์ ด้วย
จึงได้รับความนิยมมาจนกระทั่งปัจจุบัน มีชื่อวิทยาศาสตร์
quiSqualis INDICA LINN. อยู่ในวงศ์
COMBRETACEAE ชื่อสามัญ RANGOON CREEPER,
DRUNKEN SAILOR "ผล" รูปรีกว้าง
1 ผล มี 1 เมล็ด ดอก ออกทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด
และปักชำกิ่ง มีถิ่นกำเนิดเอเชีย เขตร้อนทั่วไป
ประโยชน์ ใบ ตำพอกแผล ฝี เมล็ด มี กรด QUISQUALIC ใช้ขับพยาธิไส้เดือนในเด็ก แก้ตานขโมย แต่ถ้า ใช้เกินขนาด จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเวียนศีรษะได้ สาร สำคัญจาก เมล็ด มีสารจำพวก กรดไขมัน หลายชนิด และ อัลคาลอยด์ ชื่อ TRIGO-NELLINE
ส่วน "เล็บมือนางต้น" เพิ่งพบมีต้นขาย แต่ละต้นปลูกในกระถางขนาดใหญ่ ต้นสูงประมาณ 2 เมตร มีดอกดกสีสันสวยงามสะดุดตาสะดุด ใจมาก ผู้ขายบอกว่า เป็น "เล็บมือนางต้น" นำเข้าจาก รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา นานกว่า 2 ปีแล้ว สามารถเจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทยบ้านเรา และมีดอกดกสวยงามมาก ผู้นำเข้าจึงขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนพร้อมนำออกวางขายดังกล่าวและกำลังได้รับความนิยมจากผู้ปลูกอย่างแพร่หลายในเวลานี้
เล็บมือนางต้น มีลักษณะทางพฤกษ–ศาสตร์บางอย่างใกล้เคียงกับเล็บมือนาง ชนิดที่เป็นไม้เถาเลื้อย เช่น รูปทรงของดอก ดอกมีกลิ่นหอมเหมือนกัน จะแตกต่างกัน คือ พันธุ์ที่นำเข้าจากรัฐฮาวายจะเป็น "เล็บมือนางต้น" ต้นสูงเต็มที่ 2.5 เมตร ใบออกเวียนสลับหนาแน่นบริเวณปลายยอด ใบ เป็นรูปรี ปลายแหลมมีติ่ง โคนเกือบมน สีเขียวสด เวลาใบดกจะเป็นพุ่มหนาแน่นมาก
ดอก ออกเป็นช่อขนาดใหญ่ตามซอกใบและปลายยอด มีกลีบดอก 5 กลีบ เมื่อแรกบานจะเป็นสีขาวแล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีแดงเช่นเดียวกับดอกของเล็บมือนางชนิดที่เป็นเถาเลื้อยทุกอย่าง ดอกมีกลิ่นหอมเหมือนกัน ดอกออกตลอดทั้งปี เวลามีดอกดกจะสวยงามมาก ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 2 แผง "ป้าแอ๊ด–คุณขวัญ" ราคาสอบถามกันเองครับ.
ประโยชน์ ใบ ตำพอกแผล ฝี เมล็ด มี กรด QUISQUALIC ใช้ขับพยาธิไส้เดือนในเด็ก แก้ตานขโมย แต่ถ้า ใช้เกินขนาด จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเวียนศีรษะได้ สาร สำคัญจาก เมล็ด มีสารจำพวก กรดไขมัน หลายชนิด และ อัลคาลอยด์ ชื่อ TRIGO-NELLINE
ส่วน "เล็บมือนางต้น" เพิ่งพบมีต้นขาย แต่ละต้นปลูกในกระถางขนาดใหญ่ ต้นสูงประมาณ 2 เมตร มีดอกดกสีสันสวยงามสะดุดตาสะดุด ใจมาก ผู้ขายบอกว่า เป็น "เล็บมือนางต้น" นำเข้าจาก รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา นานกว่า 2 ปีแล้ว สามารถเจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทยบ้านเรา และมีดอกดกสวยงามมาก ผู้นำเข้าจึงขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนพร้อมนำออกวางขายดังกล่าวและกำลังได้รับความนิยมจากผู้ปลูกอย่างแพร่หลายในเวลานี้
เล็บมือนางต้น มีลักษณะทางพฤกษ–ศาสตร์บางอย่างใกล้เคียงกับเล็บมือนาง ชนิดที่เป็นไม้เถาเลื้อย เช่น รูปทรงของดอก ดอกมีกลิ่นหอมเหมือนกัน จะแตกต่างกัน คือ พันธุ์ที่นำเข้าจากรัฐฮาวายจะเป็น "เล็บมือนางต้น" ต้นสูงเต็มที่ 2.5 เมตร ใบออกเวียนสลับหนาแน่นบริเวณปลายยอด ใบ เป็นรูปรี ปลายแหลมมีติ่ง โคนเกือบมน สีเขียวสด เวลาใบดกจะเป็นพุ่มหนาแน่นมาก
ดอก ออกเป็นช่อขนาดใหญ่ตามซอกใบและปลายยอด มีกลีบดอก 5 กลีบ เมื่อแรกบานจะเป็นสีขาวแล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีแดงเช่นเดียวกับดอกของเล็บมือนางชนิดที่เป็นเถาเลื้อยทุกอย่าง ดอกมีกลิ่นหอมเหมือนกัน ดอกออกตลอดทั้งปี เวลามีดอกดกจะสวยงามมาก ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 2 แผง "ป้าแอ๊ด–คุณขวัญ" ราคาสอบถามกันเองครับ.
เลี่ยน
ดอกหอมยอดอร่อยสรรพคุณดี
เลี่ยน พบขึ้นตามป่าดิบ
ป่าเบญจพรรณ ทุกภาคในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชีย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ MELIA AZEDA-RACH LINN. ชื่อสามัญ BASTARD CEDAR, BEAD TREE และ PERSIAN
LILAC อยู่ในวงศ์ MELIACEAE เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ
สูง 10-20 เมตร จัดเป็นไม้ในกลุ่มเบิกนำ
เพราะเจริญเติบโตเร็ว ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น
ออกเวียนสลับหนาแน่นบริเวณปลายกิ่ง ใบย่อยเป็นรูปรี
หรือคล้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ปลายใบแหลม โคนใบมักเบี้ยว
ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆ สีเขียวสด เวลาใบดกให้ร่มเงาดีมาก
ดอก ออกเป็นช่อที่ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง มีกลีบดอก 5-6 กลีบ สีขาวอมม่วง หรือ สีชมพู ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ มีเกสรตัวผู้ 10 อัน ก้านเกสรสีม่วงติดกันเป็นหลอด ดอกเมื่อบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม.เวลามีดอกดกทั้งต้นและดอกบานพร้อมกัน จะดูสวยงามและส่งกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก เมื่อเข้าไปยืนใกล้ๆต้น ทำให้รู้สึกสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง “ผล” รูปกลมรี เมื่อแก่เป็นสีเหลืองอ่อน ดอกออกเดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม ทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและปักชำกิ่ง อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า “เลี่ยน-ใบใหญ่” แตกต่างกันที่ใบใหญ่กว่า และขอบใบเรียบไม่เป็นจัก อย่างอื่นรวมทั้งประโยชน์ หรือสรรพคุณทางสมุนไพรเหมือนกันหมด
ประโยชน์ทางอาหาร ยอดและใบอ่อนนำไปย่างไฟพอสลดเพื่อลดความขมกินเป็นผักแกล้มกับน้ำพริกชนิดต่างๆ ก้อย ลาบ เพิ่มความเข้มข้นให้อร่อยมาก
สรรพคุณทางสมุนไพร ใบสดตำคั้นน้ำดื่มเป็นยาขับพยาธิ ขับนิ่ว บำรุงโลหิตระดูสตรี ใบยังให้สีเขียวใช้ย้อมผ้าได้ ทั้งต้นมีรสขมกินแก้โรคผิวหนัง เป็นยาอายุวัฒนะ เมล็ดให้น้ำมันใช้ทาแก้ปวดข้อ ปวดในกระดูก ดอกแก้โรคผิวหนังผื่นคัน ใบกับดอก ตำพอกศีรษะแก้ปวดศีรษะ ปวดประสาท เปลือกต้นต้มน้ำอาบแก้โรคผิวหนังชนิดต่างๆได้ดีมากครับ.
ดอก ออกเป็นช่อที่ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง มีกลีบดอก 5-6 กลีบ สีขาวอมม่วง หรือ สีชมพู ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ มีเกสรตัวผู้ 10 อัน ก้านเกสรสีม่วงติดกันเป็นหลอด ดอกเมื่อบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม.เวลามีดอกดกทั้งต้นและดอกบานพร้อมกัน จะดูสวยงามและส่งกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก เมื่อเข้าไปยืนใกล้ๆต้น ทำให้รู้สึกสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง “ผล” รูปกลมรี เมื่อแก่เป็นสีเหลืองอ่อน ดอกออกเดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม ทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและปักชำกิ่ง อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า “เลี่ยน-ใบใหญ่” แตกต่างกันที่ใบใหญ่กว่า และขอบใบเรียบไม่เป็นจัก อย่างอื่นรวมทั้งประโยชน์ หรือสรรพคุณทางสมุนไพรเหมือนกันหมด
ประโยชน์ทางอาหาร ยอดและใบอ่อนนำไปย่างไฟพอสลดเพื่อลดความขมกินเป็นผักแกล้มกับน้ำพริกชนิดต่างๆ ก้อย ลาบ เพิ่มความเข้มข้นให้อร่อยมาก
สรรพคุณทางสมุนไพร ใบสดตำคั้นน้ำดื่มเป็นยาขับพยาธิ ขับนิ่ว บำรุงโลหิตระดูสตรี ใบยังให้สีเขียวใช้ย้อมผ้าได้ ทั้งต้นมีรสขมกินแก้โรคผิวหนัง เป็นยาอายุวัฒนะ เมล็ดให้น้ำมันใช้ทาแก้ปวดข้อ ปวดในกระดูก ดอกแก้โรคผิวหนังผื่นคัน ใบกับดอก ตำพอกศีรษะแก้ปวดศีรษะ ปวดประสาท เปลือกต้นต้มน้ำอาบแก้โรคผิวหนังชนิดต่างๆได้ดีมากครับ.
ว่านมหากาฬ
แก้เริมงูสวัดดีมาก
โรคเริม
เป็นอีกโรคหนึ่งที่มีคนเป็นกันเยอะ เป็นแล้วปวดแสบปวดร้อน
บางคนเป็นในที่ลับต้องไปพบแพทย์ให้ช่วยรักษา ในทางสมุนไพร ตำรายาแผนไทยระบุว่า
ให้เอา ใบสด ของ “ว่านมหากาฬ”
หรือ รวมกับรากสด กะจำนวนพอประมาณ หรือตามแต่จะหาได้ตำพอละเอียดพอกบริเวณที่เป็นเริม
หรือเป็นงูสวัด จะช่วยถอนพิษปวดแสบปวดร้อนและทำให้เริมหรืองูสวัดแห้งและหายได้
รากเดี่ยวๆชนิดสดของ “ว่านมหากาฬ” ยังนำไปต้มน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้ได้อีกด้วย
นิยมใช้กันมาแต่โบราณแล้ว
ว่านมหากาฬ หรือ GYNURA PSEUDO CHINA DC.VAR.HISPIDA THY. อยู่ในวงศ์ COMPOSITAE เป็นไม้ล้มลุกมีรากใหญ่สามารถเลื้อยยาวไปตามพื้นดิน ลำต้นอวบน้ำชูยอดตั้งขึ้น ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น ใบเป็นรูปใบหอก ขอบใบหยักห่างๆ หลังใบเป็นสีม่วงเข้ม มีขน เส้นใบสีเขียว ท้องใบเป็นสีเขียวแกมสีเทา ยอดอ่อนมีขนละเอียดหนาแน่น เวลามีใบดกสีสันของใบจะสวยงามน่าชมมาก
ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ลักษณะดอกคล้ายดอกดาวเรืองมีกลีบดอกเป็นสีเหลืองทอง เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันทั้งต้นจะดูสวยงามมาก “ผล” เป็นผลแห้งไม่แตกอ้ามีเมล็ดเยอะดอกออกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปัจจุบัน “ว่านมหากาฬ” มีขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 19 แผง “ลุงนรินทร์” กับแผง “คุณตุ๊ก” หน้าตึกกองอำนวยการ ราคาสอบถามกันเอง
ปลูกได้ในดินทั่วไป เป็นไม้ชอบแดดไม่ชอบน้ำท่วมขัง นอกจากจะปลูกเป็นพืชสมุนไพรแล้ว ยังนิยมปลูกเป็นไม้ประดับอีกด้วย เนื่องจากใบและดอกมีสีสันงดงามนั่นเอง ชาวจีนเรียกอังตังปึง หรือ อังตั้งปี๊ บางพื้นที่เรียก ผักกาดนกเขา ผักกาดกบ และ คำโคก ครับ.
ว่านมหากาฬ หรือ GYNURA PSEUDO CHINA DC.VAR.HISPIDA THY. อยู่ในวงศ์ COMPOSITAE เป็นไม้ล้มลุกมีรากใหญ่สามารถเลื้อยยาวไปตามพื้นดิน ลำต้นอวบน้ำชูยอดตั้งขึ้น ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น ใบเป็นรูปใบหอก ขอบใบหยักห่างๆ หลังใบเป็นสีม่วงเข้ม มีขน เส้นใบสีเขียว ท้องใบเป็นสีเขียวแกมสีเทา ยอดอ่อนมีขนละเอียดหนาแน่น เวลามีใบดกสีสันของใบจะสวยงามน่าชมมาก
ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ลักษณะดอกคล้ายดอกดาวเรืองมีกลีบดอกเป็นสีเหลืองทอง เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันทั้งต้นจะดูสวยงามมาก “ผล” เป็นผลแห้งไม่แตกอ้ามีเมล็ดเยอะดอกออกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปัจจุบัน “ว่านมหากาฬ” มีขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 19 แผง “ลุงนรินทร์” กับแผง “คุณตุ๊ก” หน้าตึกกองอำนวยการ ราคาสอบถามกันเอง
ปลูกได้ในดินทั่วไป เป็นไม้ชอบแดดไม่ชอบน้ำท่วมขัง นอกจากจะปลูกเป็นพืชสมุนไพรแล้ว ยังนิยมปลูกเป็นไม้ประดับอีกด้วย เนื่องจากใบและดอกมีสีสันงดงามนั่นเอง ชาวจีนเรียกอังตังปึง หรือ อังตั้งปี๊ บางพื้นที่เรียก ผักกาดนกเขา ผักกาดกบ และ คำโคก ครับ.
ว่านหางจระเข้ใหม่
ใบเรียงกันแปลกสีด่าง
ว่านหางจระเข้ใหม่
เพิ่งพบมีต้นวางขาย
มีใบออกเรียงซ้อนกันแปลกตากว่าใบของว่านหางจระเข้ที่เคยพบเห็นทั่วไปมาก และที่เป็นจุดเด่นคือสีของใบจะเป็นสีเขียวสลับขาว
หรือที่นิยมเรียกกันว่า “ใบด่าง”
น่าชมยิ่ง ผู้ขายบอกว่า เป็นไม้นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
เป็น “ว่านหางจระเข้ใหม่” มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับว่านหางจระเข้ทั่วไป แตกต่างกันที่ใบของ “ว่านหางจระเข้ใหม่” จะออกเรียงสลับซ้อนกันในทิศทางตรงกันข้าม ทำให้ดูเป็นแผงสวยงามมาก
ขอบใบไม่มีหนามแหลม จึงเป็นไม้หายากต้นหนึ่ง
ว่านหางจระเข้ใหม่ หรือมีชื่อเรียกว่า “อะโล เซราต้า” อยู่ในวงศ์ LILIACEAE เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ต้นสูงได้ถึง 1 เมตร ลำต้นกลมตั้งตรงเป็นข้อสั้น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับแบบตรงกันข้าม ปกติทั่วไปใบว่านหางจระเข้ที่พบเห็นจนชินตาและนิยมปลูกอย่างแพร่ หลาย จะออกสลับรอบลำต้น และขอบใบจะมีหนามแหลม ใบเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบเป็นกาบหุ้มลำต้น ใบจะงอโค้งขึ้น
ใบหนาอวบน้ำ ภายในมีวุ้นใสเหมือนกับวุ้นใบหางจระเข้ทั่วไป ใต้ผิวเปลือกใบจะมียางสีเช่นเดียวกับว่านหางจระเข้ทั่วไป ผิวใบเรียบ เป็นสีเขียวสลับขาว เวลามีใบเรียงกันจะดูสวยงามแปลกตามาก
ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ช่อดอกยาวและตั้งขึ้น แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก ดอกจะทยอยบานจากโคนช่อขึ้นไปจนถึงปลายช่อ ดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอดห้อยลง ปลายกลีบดอกแยกเป็นแฉกเล็กๆหลายแฉก ดอกเป็นสีเหลืองอมส้ม ภายในหลอดดอกมีเกสรตัวผู้หลายอัน เวลามีดอกจะสวยงามมาก “ผล” เป็นผลแห้ง แตกได้ มีเมล็ด ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและปักชำต้น ปัจจุบัน “ว่านหางจระเข้ใหม่” มีขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 5 ปากทางออกประตู 3 แผง “คุณเมฆ” ราคาสอบถามกันเอง
สรรพคุณทางสมุนไพร ว่านหางจระเข้ ยางสีเหลืองจากใบเคี่ยวให้แห้งเรียกว่ายาดำ เป็นยาระบาย พบว่ามีสารกลุ่มแอนทราควิโนน แต่พันธุ์ที่ปลูกในไทยมีปริมาณยางน้อย ไม่สามารถผลิตยาดำได้ วุ้นสดจากใบปิดขมับแก้ปวดหัว รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลไหม้เกรียมจากแสงแดดและการฉายรังสี นอกจากนี้ วุ้นยังนำไปผลิตเป็นเครื่องสำอางได้หลายประเภทอีกด้วย แต่มีข้อเสีย คือสลายตัวได้ง่ายเมื่อถูกความร้อน ไม่ควรทิ้งวุ้นสดไว้เกิน 24 ชั่วโมงครับ.
ว่านหางจระเข้ใหม่ หรือมีชื่อเรียกว่า “อะโล เซราต้า” อยู่ในวงศ์ LILIACEAE เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ต้นสูงได้ถึง 1 เมตร ลำต้นกลมตั้งตรงเป็นข้อสั้น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับแบบตรงกันข้าม ปกติทั่วไปใบว่านหางจระเข้ที่พบเห็นจนชินตาและนิยมปลูกอย่างแพร่ หลาย จะออกสลับรอบลำต้น และขอบใบจะมีหนามแหลม ใบเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบเป็นกาบหุ้มลำต้น ใบจะงอโค้งขึ้น
ใบหนาอวบน้ำ ภายในมีวุ้นใสเหมือนกับวุ้นใบหางจระเข้ทั่วไป ใต้ผิวเปลือกใบจะมียางสีเช่นเดียวกับว่านหางจระเข้ทั่วไป ผิวใบเรียบ เป็นสีเขียวสลับขาว เวลามีใบเรียงกันจะดูสวยงามแปลกตามาก
ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ช่อดอกยาวและตั้งขึ้น แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก ดอกจะทยอยบานจากโคนช่อขึ้นไปจนถึงปลายช่อ ดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอดห้อยลง ปลายกลีบดอกแยกเป็นแฉกเล็กๆหลายแฉก ดอกเป็นสีเหลืองอมส้ม ภายในหลอดดอกมีเกสรตัวผู้หลายอัน เวลามีดอกจะสวยงามมาก “ผล” เป็นผลแห้ง แตกได้ มีเมล็ด ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและปักชำต้น ปัจจุบัน “ว่านหางจระเข้ใหม่” มีขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 5 ปากทางออกประตู 3 แผง “คุณเมฆ” ราคาสอบถามกันเอง
สรรพคุณทางสมุนไพร ว่านหางจระเข้ ยางสีเหลืองจากใบเคี่ยวให้แห้งเรียกว่ายาดำ เป็นยาระบาย พบว่ามีสารกลุ่มแอนทราควิโนน แต่พันธุ์ที่ปลูกในไทยมีปริมาณยางน้อย ไม่สามารถผลิตยาดำได้ วุ้นสดจากใบปิดขมับแก้ปวดหัว รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลไหม้เกรียมจากแสงแดดและการฉายรังสี นอกจากนี้ วุ้นยังนำไปผลิตเป็นเครื่องสำอางได้หลายประเภทอีกด้วย แต่มีข้อเสีย คือสลายตัวได้ง่ายเมื่อถูกความร้อน ไม่ควรทิ้งวุ้นสดไว้เกิน 24 ชั่วโมงครับ.
ว่านม้าม้ง บำรุงกำลัง
ว่านชนิดนี้
มีหัวสดวางขายมานานแล้ว แต่ ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
เนื่องจากไม่มีบันทึกในตำราว่านว่ามีสรรพคุณอย่างไร ทราบเพียงว่า “ว่านม้าม้ง” เป็นว่านที่นิยมปลูกและนิยมใช้เฉพาะชาวเขา เผ่าม้ง
ที่อาศัยอยู่ตามดอยตามภูเขาสูงเท่านั้น และจากสรรพคุณความโดดเด่น
เป็นยาบำรุงกำลังให้แข็งแรงดุจพลังม้านี่เอง ชาวเขา เผ่าม้ง
จึงเรียกชื่อว่านชนิดนี้ว่า “ว่านม้าม้ง” นิยมใช้ในหมู่ชาวเขา เผ่าม้ง มาช้านานจนกระทั่งปัจจุบัน
โดย มีวิธีใช้ตามสูตรของชาวม้ง แบบง่ายๆคือ เอาหัวสดของ “ว่านม้าม้ง” กะจำนวนตามต้องการที่จะใช้ในแต่ละวัน ต้มกับน้ำจนเดือดแล้วดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 ถ้วย 3 เวลา เช้ากลางวันเย็น ก่อนหรือ หลังอาหารก็ได้ อีกวิธีหนึ่ง ให้เอาหัวของ “ว่านม้าม้ง” ไปตากแห้งกะจำนวนพอประมาณ ดองกับเหล้าขาว 40 ดีกรี ผสมกับ กระชายดำ ชนิดแห้งเช่นกัน จำนวนเท่ากัน ดองให้ครบ 7 วัน เนื้อยา ออกได้ดี จึงให้เอาน้ำผึ้งแท้ เทใส่ลงไป พอประมาณ ตักกินครั้งละ 1 แก้ว ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ เช้า กลางวันเย็น และก่อนนอน จะช่วยบำรุงกำลังให้แข็งแรงตามที่กล่าวข้างต้น
ว่านม้าม้ง มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นพืชมีหัวหรือเหง้าใต้ดิน คล้ายกับขมิ้น ต้นและใบแทงขึ้นจากหัวหรือเหง้าใต้ดิน ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ เป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายแหลม โคนสอบหรือเกือบมน โคนก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น ใบเป็นสีเขียวสด
ดอก ออกเป็นช่อแทงขึ้นจากซอกใบ ลักษณะช่อดอกจะเหมือนกับดอกกระเจียวทุกอย่าง ดอกเป็นสีชมพูอ่อน เวลามีดอกจะสวยงามมาก จัดเป็นไม้ล้มลุกที่มีการเจริญงอกงามดีในช่วงฤดูฝน และจะทรุดโทรมหรือตายในช่วงฤดูแล้ง แต่จะฝังอยู่ใต้ดินและจะกระจายหัวไว้รอให้ถึงฤดูฝนในปีถัดไป โปรยปรายเม็ดฝนลงมาจึงจะแทงต้นและมีดอกอีกครั้งเป็นวัฏจักรทุกปี ซึ่ง “ว่านม้าม้ง” พบขึ้นทั่วไปตามป่าดิบ เขาทุกภาคของประเทศไทย ขยายพันธุ์ด้วยหัวหรือเหง้า
หัว มีลักษณะเป็นแง่งคล้ายกับหัวของว่านม้าเหลือง หัวมีขนาดใหญ่ เนื้อในเป็นสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสเผ็ดปร่าเล็กน้อย เมื่อนำไปต้มจะมีกลิ่นหอมชวนดื่มมาก ปัจจุบัน ชาวม้งนิยมปลูกเพื่อเก็บหัวสดส่งขายอย่างแพร่ หลาย โดยส่วนใหญ่จะเก็บหัวในช่วงฤดูแล้ง มีหัว สดขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 3 แผง “รังว่านศิริโชค” ราคาสอบถามกันเองครับ.
โดย มีวิธีใช้ตามสูตรของชาวม้ง แบบง่ายๆคือ เอาหัวสดของ “ว่านม้าม้ง” กะจำนวนตามต้องการที่จะใช้ในแต่ละวัน ต้มกับน้ำจนเดือดแล้วดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 ถ้วย 3 เวลา เช้ากลางวันเย็น ก่อนหรือ หลังอาหารก็ได้ อีกวิธีหนึ่ง ให้เอาหัวของ “ว่านม้าม้ง” ไปตากแห้งกะจำนวนพอประมาณ ดองกับเหล้าขาว 40 ดีกรี ผสมกับ กระชายดำ ชนิดแห้งเช่นกัน จำนวนเท่ากัน ดองให้ครบ 7 วัน เนื้อยา ออกได้ดี จึงให้เอาน้ำผึ้งแท้ เทใส่ลงไป พอประมาณ ตักกินครั้งละ 1 แก้ว ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ เช้า กลางวันเย็น และก่อนนอน จะช่วยบำรุงกำลังให้แข็งแรงตามที่กล่าวข้างต้น
ว่านม้าม้ง มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นพืชมีหัวหรือเหง้าใต้ดิน คล้ายกับขมิ้น ต้นและใบแทงขึ้นจากหัวหรือเหง้าใต้ดิน ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ เป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายแหลม โคนสอบหรือเกือบมน โคนก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น ใบเป็นสีเขียวสด
ดอก ออกเป็นช่อแทงขึ้นจากซอกใบ ลักษณะช่อดอกจะเหมือนกับดอกกระเจียวทุกอย่าง ดอกเป็นสีชมพูอ่อน เวลามีดอกจะสวยงามมาก จัดเป็นไม้ล้มลุกที่มีการเจริญงอกงามดีในช่วงฤดูฝน และจะทรุดโทรมหรือตายในช่วงฤดูแล้ง แต่จะฝังอยู่ใต้ดินและจะกระจายหัวไว้รอให้ถึงฤดูฝนในปีถัดไป โปรยปรายเม็ดฝนลงมาจึงจะแทงต้นและมีดอกอีกครั้งเป็นวัฏจักรทุกปี ซึ่ง “ว่านม้าม้ง” พบขึ้นทั่วไปตามป่าดิบ เขาทุกภาคของประเทศไทย ขยายพันธุ์ด้วยหัวหรือเหง้า
หัว มีลักษณะเป็นแง่งคล้ายกับหัวของว่านม้าเหลือง หัวมีขนาดใหญ่ เนื้อในเป็นสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสเผ็ดปร่าเล็กน้อย เมื่อนำไปต้มจะมีกลิ่นหอมชวนดื่มมาก ปัจจุบัน ชาวม้งนิยมปลูกเพื่อเก็บหัวสดส่งขายอย่างแพร่ หลาย โดยส่วนใหญ่จะเก็บหัวในช่วงฤดูแล้ง มีหัว สดขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 3 แผง “รังว่านศิริโชค” ราคาสอบถามกันเองครับ.
ว่านหางจระเข้-ดอกอัญชัน
หมักผมดี
ผู้อ่าน
จำนวนไม่น้อยต้องนอนโรงพยาบาล ให้เคมีบำบัด หลังผ่าตัดเกี่ยวกับโรคมะเร็ง มีปัญหา
เรื่องผมหงอกแล้วโกรกผมไม่ได้ สระผมด้วยแชมพูทั่วไปก็ไม่ได้
และกลัวผมร่วงเนื่องจากฤทธิ์ของเคมีบำบัด ซึ่งเรื่องนี้พอบรรเทาได้ โดยให้เอา
"ว่านหางจระเข้" ปอกเปลือกเอาวุ้นล้างน้ำให้สะอาด กับ
"ดอกอัญชัน" กะจำนวนพอใช้ในแต่ละครั้ง ทั้งสองชนิดกะตามต้องการ
ปั่นรวมกันจนละเอียดนำไปหมักผมครึ่งชั่วโมงแล้วสระผมด้วยแชมพูเด็ก
เช็ดด้วยผ้าจนแห้งอย่าเป่าด้วยเครื่องเป่าหรืออบผม จากนั้นใช้น้ำมันงาบริสุทธิ์ทาผมให้ทั่ว
ใช้โรลม้วน 1-2 ชั่วโมง
แกะ โรลออก จะพบว่าผมไม่แห้งกรอบ จะช่วยชะลอไม่ให้ หงอก
และไม่ให้ผมร่วงเร็วเพราะฤทธิ์เคมีบำบัดได้ คนทั่วไปใช้ได้เป็นธรรมชาติดีมาก
ว่านหางจระเข้ หรือ ALOE BARBADENSIS MILL. อยู่ในวงศ์ LILIACEAE สรรพคุณส่วนใหญ่ ใช้รักษาบาดแผลหลายชนิด สารออกฤทธิ์จากวุ้นเป็น "กลัยโคโปรตีน" ชื่อ ALOCTINA ช่วยลดการอักเสบ เพิ่มการเจริญทดแทนเนื้อเยื่อที่แผลดีมาก
อัญชัน หรือ CLITORIA TERNATEA LINN. อยู่ในวงศ์ LEGIMINOSAE ดอกใช้แต่งสีขนม ใช้ทดลองความเป็นกรดด่างแทนกระดาษลิตมัส น้ำคั้นจากดอกทำให้ผมขึ้นและคิ้วดก ซึ่งได้ผลในเด็ก
ว่านหางจระเข้ หรือ ALOE BARBADENSIS MILL. อยู่ในวงศ์ LILIACEAE สรรพคุณส่วนใหญ่ ใช้รักษาบาดแผลหลายชนิด สารออกฤทธิ์จากวุ้นเป็น "กลัยโคโปรตีน" ชื่อ ALOCTINA ช่วยลดการอักเสบ เพิ่มการเจริญทดแทนเนื้อเยื่อที่แผลดีมาก
อัญชัน หรือ CLITORIA TERNATEA LINN. อยู่ในวงศ์ LEGIMINOSAE ดอกใช้แต่งสีขนม ใช้ทดลองความเป็นกรดด่างแทนกระดาษลิตมัส น้ำคั้นจากดอกทำให้ผมขึ้นและคิ้วดก ซึ่งได้ผลในเด็ก
ว่านถอนโมกศักดิ์
แก้คุณไสยเบื่อเมา
ผม เคยเขียนถึง
"ว่านถอนโมกศักดิ์" ไปนานแล้ว
แต่ตอนนั้นเสนอภาพประกอบคอลัมน์เพียงรูปหัวของ "ว่านถอนโมกศักดิ์"
เท่านั้น ไม่เห็นต้นและดอก เพิ่งพบมีผู้นำต้นที่กำลังมีดอกวางขายเมื่อไม่นานมานี้
มีป้ายชื่อปักไว้ว่า "ว่านถอนโมกศักดิ์" จึงอดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพพร้อมนำเรื่องเสนอให้แฟนคอลัมน์ได้รับรู้อีกครั้ง โดย
ในตำราว่านโบราณระบุอิทธิฤทธิ์ของว่านชนิดนี้ไว้ว่า
มีดีในทางกำจัดคุณไสยได้เด็ดขาดนัก ใครที่ถูกกระทำด้วยไสยศาสตร์
ไม่ว่าจะด้วยคาถาอาคม หรือจากเวทมนตร์ต่างๆ สามารถนำเอาหัวของ
"ว่านถอนโมกศักดิ์" ฝนกับน้ำประพรมตามตัวสามารถไล่ ภูตผีปีศาจ
และคุณไสยออกจากตัวได้ หรือจะนำหัวพกติดตัวเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้ถูกกระทำได้ด้วย
นอกจากนั้น
เวลาเดินทางไปแดนไกลต่างถิ่น หรือเข้าไปอยู่ในหมู่คนพาลที่เป็นอริ
หรือหมู่คนที่มีคาถาอาคม
หากสงสัยว่าจะถูกฝ่ายตรงกันข้ามเล่นงานใส่คุณไสยลงในอาหารให้รับประทาน
ในตำราว่านบอกว่าให้เอาหัวของ "ว่านถอนโมกศักดิ์" ที่พกติดตัวไป
หักเป็นแว่นขนาดเล็กๆ ใส่ลงไปในอาหารที่ถูกยกมาให้กิน
จะทำให้รู้ได้ทันทีว่าอาหารเหล่านั้นถูกใส่คุณไสยหรือถูกกระทำด้วยไสยศาสตร์หรือไม่
คือ ถ้าหัวว่านที่ใส่ลงไปหมุนติ้ว หรือหมุนจี๋ แสดงว่าถูกปองร้ายโดยการกระทำคุณไสยในอาหารอย่างแน่นอน
และอย่าได้แตะต้องหรือกินอาหารเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด
ว่านถอนโมกศักดิ์
เป็นไม้ล้มลุกมีหัวใต้ดิน เป็นรูปทรงกลมยาว แตกแขนงหัวเป็นแง่งจำนวนมาก
เนื้อในเป็นสีเหลืองอ่อน เมื่อหักดมจะได้กลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติเฝื่อนเล็กน้อย
ต้นหรือใบแทงขึ้นจากหัวใต้ดิน ใบเป็นรูปรีกว้างคล้ายใบว่านหรือใบขิงทั่วไป
สีเขียวสด
ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆแทงช่อขึ้นจากซอกใบ
ลักษณะดอกคล้ายดอกกล้วยไม้ดิน กลีบดอกเป็นสีม่วงอมชมพู เวลามีดอกจะสวยงามน่าชมยิ่ง
ดอกออกช่วงฤดูฝนทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยหัว เจริญเติบโตได้ในช่วงฤดูฝน
ทรุดโทรมหรือตายในช่วงฤดูแล้ง
แต่จะฝังหัวอยู่ใต้ดินและหัวจะสมบูรณ์ที่สุดในช่วงดังกล่าว
คนปลูกจึงนิยมขุดว่านขึ้นมาขายในระหว่างเดือนมีนาคมต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายนของทุกปี
อย่างไรก็ตาม
เมื่อหัวที่ฝังอยู่ใต้ดิน หากไม่ถูกขุดขึ้นมาขาย เมื่อได้น้ำจากธรรมชาติช่วงฤดูฝน
"ว่านถอนโมกศักดิ์" จะแตกต้นและมีดอกได้สวยงามเหมือนเดิม
ปัจจุบันมีหัวและต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ
บริเวณโครงการ 3 แผง "คุณอ๊อด"
ราคาสอบถามกันเองครับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น